Category ข่าวกีฬา

คันเซโล ประเดิมแอสซิสต์ บาเยิร์น
"คันเซโล" ประเดิมแอสซิสต์ "บาเยิร์น" บุกพิชิต "ไมนซ์" เข้ารอบ 8 ทีม เดเอฟเบ โพคาล

“เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก บุกมาถล่ม ไมนซ์ กินขาด เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ศึกบอล เดเอฟเบ โพคาล

การแข่งขันบอล เดเอฟเบ โพคาล เยอรมนี ฤดู 2022-23 รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อคืนวันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ 66 ไมนซ์ เปิดสนามเมวา อารีนา รับการมาเยือนของ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก ที่เปิดฉากส่ง ชูเอา คันเซโล แบ็กขวาที่ยืมมาจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงสนามเป็นเกมแรก

เปิดฉากครึ่งแรก นาทีที่ 17 บาเยิร์นขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ ชูเอา คันเซโฃล เปิดบอลจากฝั่งขวาไปเสาไกลให้ เอริค มักซิม ชูโป-โมติง ยิงเข้าไปตุงตาข่าย

แล้วนาทีที่ 30 บาเยิร์น หนีเป็น 2-0 จากการซัดด้วยซ้ายของ จามาล มูเซียลา เท่านั้นยังน้อยเกินไป นาทีที่ 44 บาเยิร์นนำห่าง 3-0 เมื่อ เลรอย ซาเน หลุดไปยิงในจุดโทษเข้าไปไม่พลาด ก่อนที่จะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้

กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 81 สเวนสัน ผู้จัดการทีมฟุตบอลไมนซ์ ไปโวยวายใส่ผู้ตัดสิน โดนใบแดงไปเลย

แล้วนาทีที่ 84 บาเยิร์นหนีเป็น 4-0 โจชัว คิมมิช เปิดบอลจากหน้าจุดโทษเข้าไปให้ อัลฟอนโว เดวีสื โหม่งเข้าไป

ช่วงท้ายเกม นาทีที่ 86 ไมนซ์ เหลือ 10 คน แฮ็ค ทำฟาวล์หนักใส่ มูเซียลา โดนเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามไป

จบเกม บาเยิร์นบุกมาชนะ ไมนซ์ 4-0 เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย เดเอฟเบ โพคาล

บาเยิร์น บุกพิชิต ไมนซ์

“กันเซโล่” เปิดฉากแอสซิสต์ พาบาเยิร์นบุกกระหน่ำไมนซ์ ศึกเดเอฟเบ

ผลบอลเมื่อคืน เดเอฟเบ โพคาล เยอรมัน ไมนซ์บาเยิร์น : รายงานผลบอล ศึก เดเอฟเบ โพคาล เยอรมัน เป็นการลงเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้าย พบกับผลการแข่งขันของทั้ง 2 ทีม วันพุธที่ 1 ก.พ. 2566 นี้

ผลการแข่งขันปรากฏว่า ชูเอา กานเซโล่ ลงสนามนัดแรกในฐานะนักฟุตบอลใหม่ บาเยิร์นก่อนโยนให้ มักซิม ชูโป-โมติง ที่ซัดประตูพร้อมพ่วงหนึ่งจ่าย บุกถล่ม ไมนซ์ 10 ตัว สกอร์ขาด 4-0 ฉลุยสู่รอบก่อนรองชนะเลิศศึกเดเอฟเบ โพคาล

“กันเซโล่” เปิดตัว “บาเยิร์น” ยันไม่ทะเลาะเบาะแว้ง”เป๊ป”

บาเยิร์น มิวนิค เปิดตัว เจา กันเซโล่ เสริมทัพด้วยสัญญายืมตัวจนกระทั่งจบฤดู พ่วงออปชั่นซื้อขาด โดยฟูลแบ็กทีมชาติ โปรตุเกส เปิดใจสาเหตุย้ายทีมมิได้เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากทะเลาะกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ตามที่เป็นข่าว

นี่เป็นดีลสุดเซอร์ไพรส์ เพราะ กันเซโล่ ถือเป็นหนึ่งในตัวหลักของ แมนฯ ซิตี้ แต่การย้ายทีมกลับใช้เวลาพูดจากันแค่วันเดียวแค่นั้น ก่อนที่ฟูลแบ็กทีมชาติ โปรตุเกส จะเปิดตัวเป็นนักเตะใหม่ของ บาเยิร์นด้วยสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาล พร้อมออปชั่นซื้อขาด 70 ล้านยูโรในตอนซัมเมอร์ และเขาจะใส่เสื้อเลข 22 ลงเล่นให้กับทืม “เสือใต้” ในเลกที่ 2

เสือใต้ บาเยิร์น

ทั้งนี้ กันเซโล่ ให้สัมภาษณ์ในงานเปิดตัวว่า บาเยิร์น เป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทีมหนึ่งของโลก

ทำให้เป็นแรงกระตุ้นมากมายสำหรับเขาที่จะได้ลงเล่นกับนักฟุตบอลชั้นนำล้นหลาม เขารู้ดีว่าที่นี่ลงเล่นทุกนัดเพื่อชัยชนะ และเพื่อได้แชมป์ในทุกๆปี ซึ่งเขาต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการบรรลุผล และจะทุ่มเททุกอย่างที่มีให้กับสโมสร

ส่วนหัวข้อที่มีข่าวว่า สาเหตุการย้ายทีมเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากไม่ชอบใจที่ถูก เป๊ป ดร็อปเป็นตัวสำรอง และได้ลงเล่นเพียงแค่ไม่กี่นัดหลังจบบอลโลก จนกระทั่งขั้นเถียงกับ เป๊ป อย่างหนัก กันเซโล่ เลี่ยงที่จะตอบปัญหานี้แบบตรงๆโดยบอกว่า เขามิได้ลงเล่นเท่าไรนักในตอนไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจในการย้ายทีมครั้งนี้ แต่มิได้เกี่ยวพันอะไรกับความข้องเกี่ยวระหว่างเขากับ เป๊ป เลย และเดี๋ยวนี้เขาพร้อมเริ่มการผจญภัยครั้งใหม่ กับสโมสรที่ประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่นี้แล้ว

กุนซือ ไบรจ์ตัน สุดแฮปปี้
"กุนซือ ไบรจ์ตัน" สุดแฮปปี้ เขี่ย "ลิเวอร์พูล" ร่วงเอฟเอคัพ-ป้อง "ฟาบินโญ" แม้เสียบโหดลูกทีม

โรแบร์โต เด แซร์บี ที่ปรึกษา ไบรจ์ตัน ออกมาเปิดใจหลังพาทีม เปิดบ้านชนะ ลิเวอร์พูล เข้ารอบ 16 ทีม เอฟเอคัพ

ผลการแข่งขัน: ไบรจ์ตันชนะลิเวอร์พูล 2-1

เด แซร์บี บอกว่า “พวกเรามีความสุขกับผลการแข่งขัน มันเป็นเกมที่ยากมาก เพราะลิเวอร์พูลก็เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม พวกเขาแข็งแกร่งมากในสนาม แต่เราสามารถเล่นได้ดีกว่านี้อีก เราทำได้ และเราต้องปรับปรุงต่อไป”

ส่วนจังหวะที่ อีวาน เฟอร์กูสัน ผู้เล่นไบรจ์ตัน โดน ฟาบินโญ ทำฟาวล์อย่างหนักหน่วง จนทำให้แฟนบอลมองว่า ฟาบินโญ ควรโดนใบแดงมากกว่าใบเหลือง ซึ่ง เด แซร์บี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ผมคิดว่า ฟาบินโญ เป็นนักเตะที่มีคุณภาพ อุบัติเหตุแบบนี้มันสามารถเกิดขึ้นได้ในสนาม”

ไบรจ์ตัน แซงดับ ลิเวอร์พูล

มิโตมะ ซัดเปรี้ยง “ไบรจ์ตัน” แซงดับ “ลิเวอร์พูล” เข้ารอบ 16 ทีม เอฟเอคัพ

การแข่งขันบอลเอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบ 4 ประจำวันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม 66 “นกนางนวล” ไบรจ์ตันแอนด์ โฮฟ อัลเบียน เปิดสนาม ดิ เอเม็กซ์ รับการมาเยือนของ “ลิเวอร์พูล”

เปิดตัวครึ่งแรกมา 3 นาที ลิเวอร์พูล ได้ทักทายก่อน จากจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ยิงในเขตโทษ แต่ผู้เล่นไบรจ์ตันสกัดออกมาจากเส้นได้แบบหวุดหวิด

ถัดมา 4 นาที ลิเวอร์พูลได้ลุ้นอีกที ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ยิงด้วยขวา จากนอกกรอบ แต่ค่อยเกินไป เจสัน สตีล นายด่านไบรจ์ตัน รับสบาย

แล้วต่อจากนั้นนาทีที่ 14 ไบรจ์ตันน่าขึ้นนำสุดๆ อีวาน เฟอร์กูสัน ได้ยิงในเขตโทษ บอลผ่าน อลิสสัน เบคเกอร์ ผู้รักษาประตูลิเวอร์พูล ไปแล้ว แต่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ สกัดออกมาจากเส้นได้หวุดหวิด

นาทีที่ 20 ไบรจ์ตันมาอีกแล้ว โอกาสนี้เป็น คาโอรุ มิโตมะ จิ้มหลบ โจ โกเมซ เข้าจุดโทษ ก่อนยิงด้วยซ้าย บอลแฉลบ อิบราฮิมา โกนาเต นิดๆเข้ามือ อลิสสัน เบคเกอร์

นาทีที่ 24 ลิเวอร์พูล แทบขึ้นนำ จากจังหวะที่ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ส่งบอลทะลุให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดเดี่ยว ก่อนยิงหลุดเสาไกลอย่างน่าอัศจรรย์

ถึงนาทีที่ 31 ลิเวอร์พูล ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 เมื่อ นาบี เกอิตา หวดบอลขึ้นมาให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ลุยขึ้นมาก่อนไหลเข้าจุดโทษให้ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ซัดด้วยขวาทิ่มเสาไกลเข้าไป

แต่นาทีที่ 40 ไบรจ์ตันตามตีเสมอเป็น 1-1 จากจังหวะที่ ทาริค แลมพ์ตีย์ ยิงไกลเต็มข้อ ลูอิส ดังค์ สะกิดบอลแปลงทางเข้าประตูไป

จบครึ่งแรก ไบรจ์ตันเสมอลิเวอร์พูล อยู่ 1-1

มิโตมะ

กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 51 ไบรจ์ตันได้ฟรีคิกระยะออกจะไกล ลูอิส ดังค์ วิ่งมายิงบอลพุ่งข้ามคานออกไป

ต่อจากนั้นนาทีที่ 71 ไบรจ์ตัน แทบแซงนำ จากจังหวะที่ คาโอรุ มิโตมะ ดีดไซด์ก้อยจากฝั่งซ้ายเข้าจุดโทษ ซอลลี มาร์ช โฉบมายิงไปติดเซฟ อลิสสัน เบคเกอร์ เด้งกลับมาโดน มาร์ช เด่งออกหลังไปนิดนึง

ถึงนาทีที่ 80 ไบรต์ตัน เกือบจะได้อีกแล้ว อีวาน เฟอร์กูสัน ตะบันด้วยขวาในเขตโทษ แต่ อิบราฮิมา โกนาเต ทิ้งตัวบล็อกไว้ได้ทัน

เข้าสู่ตอนทดเจ็บ นาทีที่ 90 + 2 ไบรจ์ตัน ขึ้นนำ 2-1 จากการยิงของ คาโอรุ มิโตมะ

จบเกม ไบรจ์ตันชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 เข้ารอบ 16 ทีม ถัดไป

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้ง 2 ทีม มีดังนี้

ไบรจ์ตัน

เจสัน สตีล (ผู้รักษาประตู) ; ทาริค แลมพ์ตีย์, อดัม เว็บสเตอร์, ลูอิส ดังค์, เปร์วิส เอสตูปินญัน ; ปาสกาล โกรสส์, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ; ซอลลี มาร์ช, แดนนี เวลเบค, คาโอรุ มิโตมะ ; อีวาน เฟอร์กูสัน

ลิเวอร์พูล

อลิสสัน เบคเกอร์ (ผู้รักษาประตู) ; เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โกนาเต, โจ โกเมซ, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ; นาบี เกอิตา, สเตฟาน บายเชติช, ติอาโก อัลคันทารา ; โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โคดี กัคโป, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์

เทน ฮาก ชี้ แมนยู
ใครว่าเทพยูทูบ "เทน ฮาก" ชี้ "แมนยูฯ" เล่นดีกว่าหากมี "แอนโทนี" ปรับ 2 จุดได้แจ่มแน่

กุนซือแมนยูฯ เทน ฮาก ปกป้อง แอนโทนี หลังโดนตราหน้าว่าเป็น “เทพยูทูบ” จากพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุด แต่ยอมรับว่าต้องเปลี่ยนแปลงอีก 2 จุด

วันที่ 25 เดือนมกราคม 2566 เอริก เทน ฮาก ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์คุ้มครอง แอนโทนี ปีกทีมชาติบราซิล ก่อนเกมคาราบาว คัพ (ลีกคัพ) รอบรองชนะเลิศ นัดแรก

ที่จะไปเยือน นอตติงแฮม ฟอเรสต์ ทีมร่วมศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในคืนนี้ แข่งขันเวลา 03.00 น. ตามเวลาของประเทศไทย

ทั้งนี้ แอนโทนี พึ่งโดน ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตกองหลังแมนยูฯ ที่ตอนนี้เป็นนักวิพากษ์วิจารณ์บอล ประณามว่าเป็นแค่นักเตะ ที่เก่งเพียงแค่ในยูทูบ

แต่ยังไม่อาจจะสร้างผลงานให้กับ “ปิศาจแดง” ได้มากพอ หลังถูกเปลี่ยนตัวออก ในนาทีที่ 71 ของเกมล่าสุดที่แพ้ อาร์เซนอล 2-3 ในศึก พรีเมียร์ลีก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

แอนโทนี พึ่งทำไปเพียงแค่ 5 ประตู จาก 19 นัดรวมทุกรายการ แต่ยังไม่อาจจะแอสซิสต์ให้เพื่อนทำคะแนนได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว นับตั้งแต่ย้ายมาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ด้วยค่าจ้างสูงถึง 86 ล้านปอนด์ (3,526 ล้านบาท)

อย่างไรก็ตาม เทน ฮากได้ออกมาปกป้อง แอนโทนี พร้อมเผย 2 จุดที่จำต้องพัฒนาว่า “เขาสามารถทำได้ดีกว่านี้ ผมยังเห็นช่องว่างสำหรับการพัฒนาอยู่ ตัวอย่างเช่น และผมคิดว่าคุณเองก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน เราต้องการให้เขาเน้นการจู่โจมไปข้างหน้ามากขึ้น และมีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้น”

“แต่อย่างที่ผมบอก ทีมจะทำผลงานได้ดีขึ้นถ้าเขาอยู่ในสนาม นั่นเป็นสิ่งที่ดี เป็นพื้นฐานที่ดีในการพัฒนาต่อไป ผมคิดว่าเขาได้ปรับปรุงแล้ว”

“เขายิงได้ 3 ประตูใน 3 เกมแรกของเขาในพรีเมียร์ลีก และเขาก็เพิ่งทำประตูได้กับ เอฟเวอร์ตัน ในเอฟเอ คัพ รอบ 3 และยิง ชาร์ลตัน ในคาราบาว คัพ รอบ 8 ทีม ดังนั้นความจริงข้อนี้ก็แสดงให้เห็นว่าเขามีผลกับเกม แต่ผมคิดว่าด้วยความสามารถและพรสวรรค์ของเขา เขาสามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น แต่อย่างที่ผมพูดไป ผมคิดว่าเขามีส่วนสนับสนุนที่ดีให้กับทีม”

ลั่นขอทำทีมกลับมายิ่งใหญ่

“เทน ฮาก” ลั่นจะทำ “แมนยูฯ” เป็นทีมที่ดีสุดในโลก เปิดเผย 3 เหตุผลขวาง “ลูกรัก” ซบยักษ์ยุโรป

ที่ปรึกษาแมนยูฯ ลั่นขอทำทีม กลับมายิ่งใหญ่ วางตัว “คีย์แมน” พร้อม 3 สาเหตุที่อยากที่จะให้เล่นในพรีเมียร์ลีกต่อไป หลังมียักษ์ใหญ่จ้องฉก

วันที่ 25 มกราคม 2566 เอริก เทน ฮาก ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์ถึงความสำคัญของ มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าตัวเก่ง ก่อนเกมคาราบาว คัพ (ลีกคัพ) รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ที่จะไปเยือน นอตติงแฮม ฟอเรสต์ ทีมร่วมศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในคืนนี้ แข่งขันเวลา 03.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

เทน ฮากประกาศกร้าวว่า เขาต้องการสร้างทีม แมนยูฯ ให้แปลงเป็นทีม ที่ดีที่สุดในโลก โดยมี มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นคีย์แมนสำคัญในแผนงานนี้ หลังจากดาวยิงวัย 25 ปี กลับมาคืนฟอร์มยอดเยี่ยมอีกทีในฤดูกาลนี้ โดยซัดไปแล้ว 17 ประตูรวมทุกรายการ มากที่สุดในทีม เหนือกว่า บรูโน เฟอร์นันเดส, อองโตนี มาร์กซิยาล และ แอนโทนี ที่ยิงรวมกัน 15 ลูก (คนละ 5 ประตู)

คีย์แมน

ทั้งนี้ แรชฟอร์ด กลายเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องว่า ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยักษ์ใหญ่ลีกเอิง ฝรั่งเศส สนใจดึงตัวไปร่วมงาน

แม้ แมนยูฯ จะใช้ออปชันต่อสัญญาออกไปจนกระทั่งเดือนมิถุนายน ปี 2024 และจากนั้นก็ตาม แต่ก็ยังมิได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่ ทำให้อนาคตกับทีม “ปิศาจแดง” ยังไม่ชัดเจน

แม้กระนั้น เทน ฮากย้ำถึงจุดสำคัญของ แรชฟอร์ด สำหรับแผนการสร้าง แมนยูฯ ให้แปลงเป็นทีมที่ดีที่สุดในโลก พร้อม 3 เหตุผลที่ไม่อยากที่จะให้ย้ายไป เปแอสเช ว่า “ผมจะบอกว่านี่คือสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับเขา เพราะเราต้องการสร้างทีมที่ดีที่สุด ก้าวแรกคือในอังกฤษ จากนั้นค่อยไปสู่ระดับยุโรปและระดับโลก”

“ผมคิดว่าเขาเข้าใจว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือสโมสรของเขา (จากการที่เติบโตมาจากทีมเยาวชน) แต่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ เขากำลังเล่นฟุตบอลที่ดีที่สุดของเขา”

“ทีมนี้สามารถช่วยให้เขาได้เล่นตำแหน่งที่เหมาะสมและทำประตูได้มากมาย ซึ่งเขาทำสิ่งนั้นได้ดี เขาสำคัญสำหรับเรา และถ้าเราต้องการประสบความสำเร็จ เราก็ต้องการเขา”.

แลมพาร์ด หลังโดน เอฟเวอร์ตัน" สั่งเด้ง
เปิดผลงาน "แลมพาร์ด" หลังโดน "เอฟเวอร์ตัน" สั่งเด้งพ้นตำแหน่ง เปอร์เซ็นต์ชนะละเหี่ยใจ

เปิดผลงาน “แฟรงค์ แลมพาร์ด” ผู้จัดการทีมฟุตบอลเลือดผู้ดี หลังโดน “เอฟเวอร์ตัน” สั่งเด้งพ้นตำแหน่งจากผลงานตกอับที่ตกไปรองบ๊วยของตาราง เปอร์เซ็นต์ชนะละเหี่ยใจ

วันที่ 24 ม.ค. 66 เปิดผลงาน แฟรงค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีมชาวอังกฤษ หลังโดน “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตันสโมสรดัง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สั่งเด้งพ้นตำแหน่ง จากผลงานย่ำแย่ที่ตกไปรองบ๊วยของตาราง จากการมี 15 คะแนน จาก 20 นัด พอๆกับทีมบ๊วยของตารางอย่าง “นักบุญแดนใต้” เซาแธมป์ตัน แต่ส่งผลต่างประตูติดลบน้อยกว่า 5 ลูก

จากการที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด โดนตะเพิดพ้นเก้าอี้ ในคราวนี้ ทำให้ตัวเขาคุมทีมไปทั้งหมด 44 นัด แต่กลับสามารถพาทีมคว้าชัยชนะได้แค่ 12 นัด กับเสมอ 8 นัด และแพ้ถึง 24 นัด เลยทีเดียว

ทำให้ที่ปรึกษา วัย 44 ปี มีเปอร์เซ็นต์คุม ทีมดังจากชายคา กูดิสัน ปาร์ค คว้าแชมป์เพียงแค่ 27.2% เท่านั้น

สำหรับ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน จะให้ เลห์ตัน เบนส์ ตำนานสโมสร ซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่คุมทีมชุด ยู-18 และ ยู-21 และ พอล เทต โค้ชกองหน้าของทีม จะทำหน้าที่ดูแลทีมชั่วคราวไปก่อน และทีมมีโปรแกรมลงเล่นนัดถัดไปวันที่ 4 ก.พ.นี้

ด้วยการเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือน “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล วันเสาร์ที่ 4 ก.พ.นี้ 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย

แลมพาร์ด

ทนไม่ไหวแล้ว เอฟเวอร์ตันปลด “แลมพาร์ด” เผย 2 สาเหตุทำตกงาน-คาด 4 ตัวเก็งเสียบ

“4 ผู้จัดการทีมดังเต็งเสียบ” แฟรงค์ แลมพาร์ด โดน เอฟเวอร์ตันเด้งตกเก้าอี้แล้ว หลังจมท้ายตารางพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันที่ 23 ม.ค. 2566 สื่อดังหลายสำนัก ทั้ง บีบีซี, เดลี เมล, สกาย สปอร์ตส รายงานตรงกันว่า เอฟเวอร์ตันปลด แฟรงค์ แลมพาร์ด พ้นตำแหน่งผู้จัดการทีมแล้ว หลังพาทีมร่วงไปอยู่อันดับ 19 ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ชนะเพียงแค่ 3 นัดจาก 20 เกมที่ผ่านมา เก็บได้เพียง 15 คะแนน ห่างจากโซนไม่เป็นอันตราย 2 แต้ม อีกทั้งยังแพ้ 8 เกมจาก 9 นัดหลังสุดในทุกรายการ และยังมีข่าวว่าปะทะกับ อับดูลาย ดูคูเร กองกลางทีมชาติมาลีในห้องแต่งตัว และสนามฝึกซ้อม หลังแพ้ เซาแธมป์ตัน คาบ้าน เมื่อสัปดาห์ก่อนด้วย

รายงานระบุว่า แลมพาร์ด ถูกเรียกตัวเข้าไปคุยกับ ฟาร์ฮัด โมชิรี ผู้ครอบครองสโมสร, บิลล์ เคนไรท์ ประธานสโมสร รวมถึง เควิน เธลเวลล์ ผู้อำนวยการฟุตบอลในช่วงสุดสัปดาห์ หลังจบเกม พรีเมียร์ลีก นัดปัจจุบันที่บุกไปแพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 0-2 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการตกลงและตัดสินใจแยกทางกันในที่สุด

สำหรับ แฟรงค์ แลมพาร์ด วัย 44 ปี พึ่งเข้ามารับงานต่อจาก ราฟาเอล เบนิเตซ เมื่อวันที่ 31 เดือนมกราคมปีที่แล้ว แต่ก็ยังทำผลงานได้ไม่เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งฤดูที่และก็พาทีมจบอันดับ 16 พรีเมียร์ลีก รอดพ้นการตกชั้นแบบเฉียด ทั้งที่ทุ่มงบซื้อนักฟุตบอลมหาศาล

ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน จะให้ เลห์ตัน เบนส์ อดีตแบ็กซ้ายระดับตำนานของทีม ซึ่งปัจจุบันเป็นโค้ชทีมชุดยู-18 และ พอล เทต โค้ชชุดยู-21 ทำหน้าที่คุมทีมชั่วคราวในระหว่างหากุนซือคนใหม่เข้ามารับช่วงต่อจาก แฟรงค์ แลมพาร์ด

ส่วนตัวเต็ง 4 อันดับแรกที่ เบ็ทแฟร์ บริษัทรับพนันถูกตามกฎหมายมีชื่อออกอัตราต่อรองว่าจะเข้ามาคุมเอฟเวอร์ตัน มี ฌอน ไดช์ อดีตผู้จัดการทีมฟุตบอลเบิร์นลีย์, มาร์เซโล บิเอลซา อดีตนายใหญ่ลีดส์ ยูไนเต็ด, เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมเวสต์แฮม ที่เคยคุม “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ในปี 2002-2013 และ เวย์น รูนีย์ ตำนานนักเตะของสโมสร ที่ยังไม่มีงานทำ หลังแยกทางกับ ดาร์บี เคาน์ตี จากการพาทีมตกชั้นจากศึกแชมเปียนชิพ ลงสู่ลีกวัน

เอฟเวอร์ตัน

5 งานที่ แลมพาร์ด บางทีอาจได้ทำหลังโดน เอฟเวอร์ตัน ปลด

เส้นทางระหว่าง เอฟเวอร์ตัน กับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด มาสู่จุดจบแล้ว หลังบอร์ดบริหาร “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ตัดสินใจเด้งผู้จัดการทีมฟุตบอลเลือดผู้ดีออกมาจากตำแหน่ง เมื่อวันจันทร์ที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา เซ่นผลงานสุดทรุดโทรมจนเกินจะรับไหว

จำเป็นต้องยอมรับว่า เอฟเวอร์ตัน มีปัญหาตั้งหลักปักฐานลึกมานานมาก สำหรับการหาผู้จัดการทีมที่สมควร เพื่อนำสโมสรฟื้นคืนชีวิต โดยตอนที่พวกเขาแต่งตั้ง “แลมพ์ส” ก็คาดหวังว่าจะมองเห็นผู้จัดการทีมคนหนุ่มไฟแรงจะสามารถสร้างทีมให้ลืมตาอ้าปากได้บ้าง

อย่างไรก็แล้วแต่ตลอดตอน 12 เดือนที่ แลมพาร์ด จับบังเหียน เหตุการณ์ของ เอฟเวอร์ตัน มีแต่สาละวันเตี้ยลง โดยในช่วงฤดูกาลนี้เขานำสโมสรเสือกสนหนีตกชั้นเพราะเหตุว่าทีมรั้งอยู่อันดับ 19 ชนะเพียงแค่ 3 เกมจาก 20 แมตช์ มีแค่ 15 คะแนน

นอกเหนือจากนั้น แลมพาร์ค คุมทัพแพ้ 8 เกมจาก 9 แมตช์หลังสุดในทุกรายการ โดยฟางเส้นสุดท้ายขาดสะบั้นเมื่อสโมสรพ่ายแพ้ให้กับ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 0-2 เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

สำหรับการตกงานครั้งที่สองของ แลมพาร์ด หลังเคยโดน เชลซี ปลดมาแล้วคราวแรก แต่ก็ใช่ว่าเจ้าตัวจะไม่มีผู้ใดพอใจ เนื่องจากมีความน่าจะเป็นไปได้ที่มี 5 งานพร้อมที่จะมอบโอกาสใหม่ให้กับเขาอีกที

  1. สวอนซี
  2. ดาร์บี้ เคาน์ตี้
  3. สโต๊ค ซิตี้
  4. ทีมชาติอังกฤษ ยู-21
  5. กูรูลูกหนัง
เสื้อฟุตบอล ทีมชาติอิตาลี
เปิดตัวแล้ว! "เสื้อฟุตบอลทีมชาติอิตาลี" ร่วมสร้างตำนานกับ "adidas"

“adidas” ประสานมือ สมาพันธ์ฟุตบอลอิตาลี เปิดตัว “ชุดแข่งขัน ทีมชาติอิตาลี” คอลเลคชันใหม่ รับศักราช ครบทั้งทีมฟุตบอลชาย ทีมฟุตบอลหญิง ทีมฟุตบอลเยาวชน ทีมฟุตซอล ทีมฟุตบอลชายหาด รวมทั้ง ทีมอีสปอร์ต (e-Sports)

คอลเลคชันนี้สุดพิเศษ ที่มาเปิดศักราชใหม่มีชื่อว่า ADIDAS x FIGS เป็นคอลเลคชัน ชุดแข่งขัน ฟุตบอลทีมชาติอิตาลี ที่ได้รับแรงจูงใจมาจากลวดลายหินอ่อน  ความสวยของธรรมชาติ ภูมิศาสตร์ และ วัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ของ อิตาลี ดังที่ทุกคนบางครั้งก็อาจจะเคยได้เห็นผ่านอนุสาวรีย์ และ สถานที่ที่สำคัญหลายแห่ง ตลอดช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา

สำหรับชุดแข่งขันทีมเหย้า ทั้งเสื้อแข่ง และ กางเกงขาสั้น มาในออกแบบสีน้ำเงินพร้อมด้วยลวดลายหินอ่อน ด้วยการประสานเทคนิคงานหัตถกรรมแบบดั้งเดิม เข้ากับนวัตกรรมอันล้ำยุค พร้อมเสริมรายละเอียดเพื่อสะท้อน วัฒนธรรมอิตาลี ลงไปอย่างแยบยล ทั้งการเพิ่มเส้นขอบสามสีของธงชาติอิตาลีลงบนเครื่องหมายสามแถบของ adidas บริเวณศีรษะไหล่ ด้านข้าง และ ขอบเสื้อ

ทีมชาติอิตาลี

นอกเหนือจากนั้นตรงรอบๆด้านหลังคอเสื้อยังมีการสกรีนคำว่า Italia ในสไตล์โรมัน

เหมือนกับที่ใช้สำหรับในการสกรีนชื่อผู้เล่น และ เลขเสื้อ วางแบบตรงส่วนที่เป็นแขนเสื้อ และ คอเสื้อที่ตกแต่งด้วยลายเส้นสีทอง เพื่อสะท้อนถึงการบรรลุเป้าหมายของ สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี โดยมีโลโก้ “adidas” และ โลโก้ตราสัญลักษณ์ สมาพันธ์ฟุตบอลอิตาลี ที่เปิดตัวล่าสุดได้ถูกจัดวางรอบๆตรงกลางเสื้อ ด้วยการสกรีนด้วยความร้อนรอบๆหน้าอก

ส่วนชุดแข่งทีมเยือน มาในพื้นสีขาว off-white ที่ยิ่งขับให้ลวดลายหินอ่อน ของกราฟิกสีน้ำเงินกรมท่า และ สีทอง สะดุดตา โดยเสื้อรุ่นนี้ยังคงแทรกสอดเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศอิตาลี อย่างการแต่งแต้มเส้นขอบสามสีลงบนสัญลักษณ์ สามแถบของ อาดิดาส และ ใจความ Italia บนตัวเสื้อด้วยเช่นกัน

คอลเลคชันชุดแข่งขันทีมชาติ “ADIDAS x FIGS” ผลิตโดยการใช้นวัตกรรมที่ดีที่สุดของ “adidas” ทั้งเทคโนโลยี HEAT.RDY ที่ช่วยระบายอากาศ และ ทำให้นักกีฬาสบายตัวระหว่างการแข่งขัน รวมถึงการผลิตเสื้อชิงชัยที่สร้างจากวัสดุรีไซเคิล 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเป็นการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

เสื้อฟุตบอล

โดย ทีมชาติอิตาลี ทุกระดับจะสวมชุดแข่งของอาดิดาส

ไม่ว่าจะเป็น ทีมฟุตบอลชาย ทีมฟุตบอลหญิง ทีมฟุตบอลชุดเยาวชน ทีมฟุตซอล ทีมฟุตบอลชายหาด รวมทั้ง ทีมอีสปอร์ต (e-sports)

บีเยิร์น กัลเดน (Bjørn Gulden) ประธานกรรมการบริหารของ อาดิดาส กล่าวว่า “ทีมชาติอิตาลีเป็นหนึ่งในทีมฟุตบอลระดับตำนาน และ ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน เรารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี อย่างเป็นทางการ รวมถึงการที่ ทีมชาติอิตาลี ทุกระดับร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว อาดิดาส พร้อมเดินหน้าสู่ความสำเร็จไปด้วยกัน นอกจากนี้ เรายังรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เปิดตัวคอลเลกชันผลิตภัณฑ์ใหม่อันแสนยอดเยี่ยมของเรา ซึ่งประกอบไปด้วย ชุดแข่งขันเหย้าและ เยือนที่สวยงาม ด้วยการคงเอกลักษณ์ และ ความสง่างามของอิตาลี รวมถึงมรดกอันโดดเด่นอย่าง Azzurri”

ด้าน กาเบรียล กราวิน่า (Gabriele Gravina) ประธานกรรมการของสหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี กล่าวเสริมว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับอาดิดาส ในการนำความน่าหลงใหล และ เอกลักษณ์ของ ‘Azzurri’ มาตีความให้มีความนำสมัยมากยิ่งขึ้น โดยตลอด 113 ปีที่ผ่านมา ทีมชาติอิตาลี เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ที่สะท้อนคุณค่าและ สไตล์ไปทั่วโลก ดังนั้นชุดแข่งขันทีมชาติอิตาลี จึงกลายเป็นมรดกของชาติ ที่มีคุณค่ามากกว่าแค่ในเรื่องของกีฬา เพราะยังเปรียบดั่งศูนย์กลางทางจิตใจ ที่คอยหลอมรวมผู้คน ไม่ว่าจะเพศ อายุ หรือชนชั้นทางสังคมใดก็ตาม และ การร่วมมือกันในครั้งนี้จะยิ่งทำให้ทีมชาติอิตาลีทั้งทีมฟุตบอลชายและ ทีมฟุตบอลหญิงสามารถแสดงศักยภาพ และ ตัวตนอันแข็งแกร่งของพวกเขาได้อย่างเต็มความสามารถ”

ชุดชิงชัยทีมชาติอิตาลีคอลเลกชันนี้ วางขายตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ที่ อาดิดาส แบรนด์ เซ็นเตอร์, อาดิดาส สปอร์ต เพอร์ฟอร์แมนซ์, อาริ ฟุตบอล, อาดิดาส แอปพลิเคชัน, อาดิดาส ออนไลน์ สโตร์ www.adidas.co.th, LINE Shopping: @adidasthailand และ จะเปิดจัดจำหน่ายเพิ่มเติมในวันที่ 31 ม.ค. 2566 ณ ร้านอุปกรณ์กีฬาชั้นหนึ่ง ที่ร่วมรายการทั่วประเทศ

เทน ฮาก ฝากทีมแมวมอง แมนยู
"เทน ฮาก" ฝากทีมแมวมอง แมนยู เฟ้นหาแข้งลีกดัตช์ พร้อมใบสั่งจับตาฟอร์ม 1 ดาวดังเป็นพิเศษ

วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม 2566 เดลี่ เมล สื่อกีฬามีชื่อเสียงของอังกฤษ รายงานว่า เอริก เทน ฮาก ผู้จัดการทีมของ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( แมนยู ) สั่งการให้ทีมแมวมองค้นหานักฟุตบอลที่มีทรงจะเก่งในลีกเนเธอร์แลนด์เป็นพิเศษกว่าที่ไหนๆ

แฟนคลับ”ปิศาจแดง” ทราบกันอยู่แล้วว่า เอริก เทน ฮาก ออกจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในเนเธอร์แลนด์ มาเป็นนายใหญ่ที่ โอลด์แทรฟเฟิร์ด และปรับเปลี่ยนทีมในหลากหลาย สิ่งให้เข้าที่เข้าทางทั้งการปรับม้านั่งสำรอง ที่นั่งใกล้ประตูทางออกมากขึ้น และการเสริมนักเตะหลายท่านจากลีกดัตช์ ทั้งไทเรลล์ มาลาเซีย, ลิซานโดร มาร์ติเนซ และแอนโทนี

ซึ่งมีแถลงการณ์ว่านอกจากจะสั่งให้ ดูฟอร์มหลายท่านแล้วนั้น อีก 1 คนที่ เทน ฮาก สั่งให้ติดตาม ดูฟอร์มและพินิจพิจารณาเป็นพิเศษคือ อดีตนักเตะที่เคยแทบได้มาแมนยูฯ อย่าง ยูเลียน ทิมเบอร์ อดีตลูกน้องเก่าที่ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่เล่นได้ทั้งแบ็กขวา และเซ็นเตอร์แบ็ก และคาดว่าตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยน 2 รอบนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปอาจได้มองเห็นนักเตะรายนี้มาอยู่กับแมนยู

แมนยู

เปิดเผย “แมนฯ ซิตี้” รุมจวกผู้ตัดสิน ในอุโมงค์ เหตุประตูปัญหา “แมนยู” แม็กไกวร์ ร่วมวงด้วย

“บอลจบคนไม่จบ” เปิดโปง แมนฯ ซิตี้ นำโดย เป๊ป กวาร์ดิโอลา รุมโวยวายทีมผู้ตัดสิน หลังเกม พรีเมียร์ลีก ล่าสุด เหตุขุ่นเคืองประตูปัญหา แมนยูฯ

วันที่ 15 มกราคม 2566 เดอะ ซัน สื่อจอมแฉแห่งเมืองผู้ดีกล่าวว่า ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านแซงชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 เกิดเหตุวุ่นวาย หลังจบเกม เมื่อผู้เล่นเล็กน้อย รวมทั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอลา ผู้จัดการทีม “เรือใบสีฟ้า” เข้าไปประท้วง สจวร์ต แอตต์เวลล์ ผู้ตัดสินในเกมนี้ เหตุข้องใจประตูตีเสมอ 1-1 ของ “ปิศาจแดง”

จังหวะดราม่าของเกมนี้เกิดขึ้นในนาทีที่ 78 เมื่อ มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าแมนยูฯ ที่อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า สปีดไปรับบอลจากการจ่ายของ คาเซมิโร ก่อนหยุดชะงักเล็กน้อย แล้วปล่อยให้ บรูโน เฟอร์นันเดส สอดเข้ามายิงผ่านมือ เอแดร์สัน เป็นประตูตีเสมอ 1-1 ซึ่งผู้ตัดสินก็ไม่จับล้ำหน้า แรชฟอร์ด และเป่าให้เป็นประตู ทั้งที่ ดาร์เรน แคนน์ ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าขึ้นมาก่อน กลับคำตัดสิน กลายเป็นจุดเปลี่ยน สำคัญที่ทำให้ “ปิศาจแดง” แซงชนะ แมนฯ ซิตี้ ในที่สุด

เดอะ ซัน รายงานโดยอ้างอิงจากคำบอกเล่าของ แยน อาเก ฟยอร์ทอฟท์ อดีตดาวยิงทีมชาติ นอร์เวย์ สโมสรมิดเดิลสโบรห์ ซึ่งปัจจุบันนี้ผันตัวมาเป็นผู้สื่อข่าว และโฆษกฟุตบอล ที่กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า เป๊ป พร้อมด้วยลูกทีมบางส่วน ดังเช่นว่า แจ็ค กรีลิช, มานูเอล อาคานจี, ไคล์ วอล์คเกอร์ เข้าไปรุมประท้วง และโวยวายใส่ สจวร์ต แอตต์เวลล์ และทีมงานผู้ตัดสิน ระหว่างเดินเข้าอุโมงค์หลังจบเกม เนื่องด้วยยังคาใจ กับประตูตีเสมอ 1-1 ว่าทำไมไม่ล้ำหน้า

ไม่เพียงเท่านั้น ฟยอร์ทอฟท์ ยังเผยอีกว่า แฮร์รี แม็กไกวร์ กองหลังตัวสำรองของ แมนยูฯ ก็เข้าไปร่วมวงด้วยการพูดบางอย่างน้อย ในขณะที่ แมนฯ ซิตี้ กำลังหงุดหงิดใส่ทีมงานผู้ตัดสิน แต่โชคดีที่ยังไม่มีเหตุการณ์แย่ลงกว่าเดิมเกิดขึ้น

เหตุการณ์ล่าสุด แมนยูฯ ขึ้นมาอยู่อันดับ 3 มี 38 คะแนนจาก 18 นัด ตามหลัง แมนฯ ซิตี้ รองจ่าฝูงที่แข่งเท่ากันเหลือเพียง 1 แต้ม และตามจ่าฝูง อาร์เซนอล เหลือเพียงแค่ 6 คะแนน แต่ “ปืนใหญ่” ยังแข่งน้อยกว่า 1 เกม

เวกฮอร์สต์ จะออกทรงไหน

“เวกฮอร์สต์” จะออกทรงไหน? ย้อนฟอร์ม 3 แข้ง “ดี-แย่” ย้ายมาแมนยูฯ แบบเหนือคาด

ย้อนฟอร์ม 3 นักฟุตบอลทั้งดีและห่วย สำหรับในการเสริมทัพของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบเหนือความคาดหมายและ เวาท์ เวกฮอร์สต์ กับการอยู่ 6 เดือน จะออกแบบไหน?

วันอาทิตย์ที่ 15 ม.ค. 2566 ภายหลังจากที่ เวาท์ เวกฮอร์สต์ เปลี่ยนเป็นนักเตะรายแรกในปี 2566 ที่ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เซ็นสัญญาเข้ามาร่วม ทีมด้วยสัญญายืม 6 เดือน จากเบิร์นลีย์

โดยแม้ย้อนไปในอดีต นักฟุตบอลที่ย้ายมาอยู่กับ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบสร้างเซอร์ไพรส์มากมาย มักจะไม่ประสบความสำเร็จมากนัก มีแค่น้อยคนเพียงแค่นั้นที่จะสำเร็จ และกลายเป็นตัวหลักของทีมในเวลาถัดมา

ซึ่งหากย้อนฟอร์มของ 3 นักเตะของทั้งฝั่งที่ฟอร์มดี และฟอร์มแย่ จะแบ่งได้ดังนี้

ฝั่งฟอร์มดี

บรูโน เฟอร์นันเดส (2020-ปัจจุบัน) – 152 นัด 54 ประตู 44 แอสซิสต์

ปาทริช เอฟรา (2006-2014) – 379 นัด 10 ประตู 38 แอสซิสต์

เนมันยา วิดิช (2006-2014) – 300 นัด 21 ประตู 4 แอสซิสต์

ฝั่งฟอร์มแย่

โอเดียน อิกาโล (มกราคม 2020-มกราคม 2021) 23 นัด 5 ประตู 1 แอสซิสต์

ไมเคิล โอเวน (2009-2012) 52 นัด 17 ประตู 3 แอสซิสต์

เบเบ้ (2010-2014) 7 นัด 2 ประตู

อูโก โยริส อำลาทัพ ตราไก่
เปิดทางสายเลือดใหม่ "อูโก โยริส" อำลาทัพ "ตราไก่" ปิดฉาก 2 แชมป์ตลอด 16 ปีที่รับใช้ชาติ

หลังจากที่ อูโก โยริส ไต่ขึ้นจนกระทั่งมือ 1 มานานเป็นสิบปีแล้ว ถึงเวลาที่ ฝรั่งเศส จึงควรหา นายทวาร คนใหม่กันแล้ว

วันอังคารที่ 10 เดือนมกราคม 2565 อีก 1 ข่าวช็อกของค่ำคืนที่ผ่านมา เว้นแต่ข่าวของ แกเรธ เบล ที่ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลแล้วนั้น อีก 1 สิ่งนั้นก็คือ

อูโก โยริส นายทวารทีมชาติฝรั่งเศสของ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประกาศล่ำลาทีมชาติอย่างเป็นทางการแล้ว

ตลอด 16 ปี ที่ผ่านมา โยริส รับใช้ทีมชาติฝรั่งเศส มายาวนานผ่านบอลโลก มา 4 ยุคตั้งแต่ปี 2010, 2014, 2018 และ 2022 ซึ่งตลอดการรับใช้ชาติเจ้าตัวพาทัพ “ตราไก่” คว้าชัยชนะโลกสมัยที่ 2 ในปี 2018 พร้อมทั้งคว้าแชมป์ ยูฟ่า เนชันส์ ลีก ในปี 2021 ได้อีกด้วย

แต่หลังจากที่แพ้ อาร์เจนตินา ในนัดชิงแชมป์ของบอลโลก 2022 มาไม่กี่สัปดาห์ โยริส ก็ได้เปิดใจผ่าน เลกิ๊ป สื่อดังของประเทศบ้านเกิดประกาศการลงจากนายทวารมือ 1 ทีมชาติ ไปแล้วเรียบร้อยแล้ว โดยเจ้าตัวเผยออกมาว่า ทีมชาติฝรั่งเศส เดี๋ยวนี้อยู่บนจุดสูงสุด

และนั่นคือการตัดสินใจที่จะประกาศอำลา นอกเหนือจากนี้ ครอบครัวเป็นอีก 1 สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจเลิกเล่นทีมชาติ เพราะเหตุว่าอยากใช้เวลาอยู่กับภรรยา และลูกมากเพิ่มขึ้น

“ผมอยากออกไปขณะอยู่ในจุดสูงสุดมากกว่ารอให้ตกต่ำหรือมีอีกทัวร์นาเมนต์ที่เกิด มันยังมีเรื่องการตัดสินใจทางครอบครัวด้วย ผมรู้สึกถึงความจำเป็นที่จะให้เวลากับภรรยาและลูกๆ ของผมมากขึ้น”

บทสรุปของ อูโก โยริส สำหรับในการรับใช้ทีมชาติประเทศฝรั่งเศส 16 ปีเต็มๆได้แชมป์โลกสมัยที่ 2 ในปี 2018 พร้อมทั้งครอบครองแชมป์ ยูฟ่า เนชันส์ ลีก ในปี 2021 และยังมีอีก 2 รองแชมป์ซึ่งก็คือบอลโลก 2022 และ ยูโร 2016

โยริส 16 ปีที่รับใช้ชาติ

ตำนานกัปตันแชมป์โลก! อูโก โยริส ประกาศอำลาทีมชาติฝรั่งเศส

กัปตันทัพตราไก่ชุดแชมป์โลก 2018 ตัดสินใจยุติเส้นทางการรับใช้ทีมชาติแล้ว อูโก โยริส ตัดสินใจประกาศอำลาทีมชาติฝรั่งเศสเป็นที่เรียบร้อย หลังเสร็จสิ้นภารกิจในศึกบอลโลก 2022

ผู้รักษาประตูจาก ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ก้าวมาติดทีมชาติฝรั่งเศสชุดใหญ่เมื่อปี 2008 จนถึงได้ก้าวมาเป็นกัปตันทีมตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา และกลายเป็นเจ้าของสถิติลงเล่น เยอะที่สุดตลอดกาล 145 เกมอีกด้วย

และหลังจากพาทัพ ตราไก่ คว้ารองแชมป์บอลโลก 2022 นายด่านจอมเก๋าวัย 36 ปีก็ตัดสินใจหยุดเส้นทางการรับใช้ชาติไว้แต่เพียงเท่านี้

“คุณจะรู้เองเมื่อถึงเวลาที่ต้องส่งไม้ต่อให้คนรุ่นใหม่ ผมเคยพูดและย้ำเสมอว่าทีมฝรั่งเศสไม่ได้เป็นของใคร และเราทุกคนก็ต้องทำให้แน่ใจว่าเป็นเช่นนั้น เริ่มจากผมก่อนเป็นคนแรก ผมคิดว่าทีมชุดนี้ยังพร้อมจะเดินหน้าต่อไปโดยไม่มีผม เราก็มีผู้รักษาประตูที่พร้อมแล้วที่จะก้าวขึ้นมาแทนที่ผม” โยริส ประกาศข่าวนี้ผ่านทาง L’Equipe

“ผมอยากออกไปตอนยังอยู่ในจุดสูงสุดมากกว่ารอให้ตกต่ำหรือลงเล่นทัวร์นาเมนต์เพิ่มไปอีกเรื่อย ๆ ยังมีเรื่องของการตัดสินใจทางครอบครัวด้วย ผมรู้สึกถึงความจำเป็นที่จะต้องการให้เวลากับภรรยาและลูก ๆ ของผมมากขึ้น”

สำหรับ โยริส บรรลุความสำเร็จกับฝรั่งเศสในฐานะ กัปตันทีม ผู้ชูถ้วยแชมป์บอลโลก 2018 และยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2020-21 รวมถึงยังได้รองแชมป์ยูโร 2016 และรองแชมป์บอลโลก 2022

อำลาทัพ ตราไก่

‘โยริส’ ยุติเฝ้าเสา ‘เลส์ เบลอส์’ เปิดช่องทางรุ่นน้องสู้หน้าที่แทน

อูโก โยริส ผู้เฝ้าประตูจอมเก๋า จบสิ้นการรับใช้ทีมชาติ ฝรั่งเศส อย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว หลังจากทำหน้าที่มานานกว่า 14 ปี พร้อมกับได้แชมป์โลก ปี 2018 และ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2021 เชื่อ นายทวารคนใหม่พร้อมเฝ้าเสาให้บ้านเกิด

อูโก โยริส นายทวารกัปตันทีม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ประกาศเลิกเล่นให้กับทีมชาติ ฝรั่งเศส เป็นที่เรียบร้อย เมื่อวันจันทร์ที่ 9 เดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังจากอยู่เฝ้าเสาให้กับทีม ตราไก่ มานานกว่า 14 ปี พร้อมกับทำสถิติลงสนาม รับใช้ทีมบ้านเกิดมากที่สุดตลอดกาล ที่จำนวน 145 นัด แซงหน้า ลิลิยอง ตูราม ตำนานแนวรับที่ 142 นัด ในการแข่งขันบอลโลก 2022 ที่ผ่านมา

นายด่านวัย 36 ปี ประเดิมนัดแรกให้กับทัพ น้ำหอม เมื่อวันที่ 19 เดือนพฤศจิกายน ปี 2008 ซึ่งเป็นเกมอุ่นเครื่องที่ ฝรั่งเศส เสมอ อุรุกวัย 0-0 จนมาถึงเกมล่าสุดที่พ่ายแพ้ อาร์เจนติน่า สำหรับในการดวลจุดโทษ รอบชิงชนะเลิศ เวิลด์คัพ ที่กาตาร์ เมื่อวันที่ 18 เดือนธันวาคม ปี 2022 โดยผลงานที่ผ่านมาช่วยทีมคว้าแชมป์โลกเมื่อปี 2018 และยังได้แชมป์ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ฤดูกาล 2020-2021 อีกด้วย

ด้าน ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ นายใหญ่ เลส์ เบลอส์ ที่พึ่งจะประกาศ ต่อสัญญาคุมทีมจนถึงปี 2026 บอกว่า โยริส ตัดสินใจเลิกเล่นในขณะที่เขายังอยู่ในจุดสุดยอด เขาแบ่งปันความนึกคิด และการตัดสินใจของเขากับตน เมื่อไม่กี่วันก่อน

พวกเราจะต้องเคารพ หากว่าเขาจะยังมีตำแหน่งในทีมก็ตาม อย่างกับที่เขา ชี้ให้เห็นในฟุตบอลโลกครั้งปัจจุบัน เขารับใช้ทีมชาติได้อย่างยอดเยี่ยม และตนขอยกย่องในผลงานของเขา

ทั้งนี้ โยริส ยังคงตั้งใจกับการเล่นให้กับ ไก่เดือยทอง สโมสรในพรีเมียร์ลีก อังกฤษต่อไป โดยพึ่งขยายสัญญาออกไปอีก 2 ปีครึ่งเมื่อช่วงต้นปี 2022 ส่งผลให้เขาจะได้อยู่กับทีมไปจนกระทั่ง เดือนมิถุนายน ปี 2024

ขณะที่ผลงานของต้นสังกัดในเวลานั้น รั้งอันดับ 5 ของตาราง โดยผ่านไป 18 นัด มี 33 คะแนน ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันดับ 4 พื้นที่สุดท้ายตั๋วไป แชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่ 2 แต้ม แต่แข่งมากกว่า 1 นัด

ช้างศึกไทย ปะทะ มาเลเซีย
แฟนบอลรอเชียร์สด “ช้างศึกไทย” ปะทะ “มาเลเซีย” รอบรองชนะเลิศนัดแรก

วันนี้ ขอเชิญชวน แฟนบอลไทย ร่วมใจจอทีวีรอเชียร์สด “ช้างศึกไทย” ปะทะ “เสือเหลือง” มาเลเซีย ในรอบรองชนะเลิศนัดแรก วันพรุ่ง (7 มกราคม) เวลา 19.30 น. ขอให้โชคดีมีแต้มติดมือกลับมาให้ได้

Sometimes the word later becomes never ครั้งคราวคำว่า วันหลัง จะแปลงเป็นคำว่า ไม่มีทาง จาก สมญานามแห่งปี ของบุคคลในวงการกีฬาไทย ก็มาถึง ที่สุดแห่งปี ของวงการกีฬา เริ่มจาก เศร้าที่สุดแห่งปี เป็นการจากไปของ ราชาบอลโลก “แอดสัน อารานเตส โด นาสซิเมนโต” หรือที่เรียกกันติดปากสั้นๆว่า “เปเล่” ในวัย 82 ปี ทิ้งตำนานแห่งการบรรลุเป้าหมายในวงการลูกหนังโลกไว้มากไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะการเป็น นักฟุตบอลผู้เดียว ที่ได้เป็น แชมป์โลก ถึง 3 ยุค ซึ่งยากหรืออาจอีกนานที่ใครจะทำเป็น

สุขที่สุดแห่งปี จากผลการสำรวจจาก สำนักศึกษาค้นคว้า Super poll ปรากฏว่า คนไทยเป็นสุขที่สุด จากการ ดูถ่ายทอดสด วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย เขียนมาถึงที่ตรงนี้จะต้องขอคารวะอดีตนายกสมาคมฯ พิศาล มูลศาสตร์สาทร ผู้มีคุณูปการต่อวงการวอลเลย์บอลไทยเป็นอย่างยิ่ง

แมตช์ เมกเกอร์แห่งปี เป็นที่ยอมรับเรื่องความกล้าหาญชาญชัย ที่นำเอา 2 ทีมบอลที่ได้รับความนิยมของโลกเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล มาระเบิด ศึกแดงเดือด นอก อังกฤษ โดยมาเตะกันที่ เมืองไทย ได้เป็นครั้งแรกในโลก ขาดทุนหรือผลกำไรไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ เมืองไทย ได้ เครดิต ไปเต็มๆเนื่องจากว่า ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จลุล่วงอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยความสามารถของ วินิจ เลิศรัตนชัย นักธุรกิจบ้าบอลคนนี้

ทัศนคติแห่งปี “ผมเฉยๆนะที่ไทยไม่ถ่ายทอดสดชิงแชมป์อาเซียน เพราะเราก็คงไปดูช่องทางธรรมชาติกันหมดแล้ว ทัศนคติต้องเปลี่ยน ถ้าเสียตังค์ดูบอลต่างประเทศได้ ก็ต้องเสียตังค์ดูทีมชาติไทย ได้เหมือนกัน” กล่าวโดย เนวิน ชิดชอบ ประธาน สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

อุดมคติแห่งปี “คนไทยต้องได้ดูบอลไทย” กล่าวโดย พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลอตเตอรี่ ออนไลน์ หรือ กองสลากพลัส

แฟนบอลรอเชียร์สด ช้างศึกไทย

เชื่อในมาโน? “ซิโก้” ฟันธงผลแข่งขัน “ทีมชาติไทย” ปะทะ “มาเลเซีย” ก่อนตัดเชือก AFF

อดีตกุนซือทีมชาติไทย ฟันธงผลแข่งขัน “ช้างศึก” เอาตัวรอดจากถิ่น “เสือเหลือง” ในอาเซียน คัพ 2022 รอบตัดเชือก ได้แน่

วันที่ 6 เดือนมกราคม 2566 “ช้างศึก” ทีมชาติไทย เดินทางถึงกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ก่อนฟาดแข้งกับ “เสือเหลือง” ในศึก เอเอฟเอฟ อาเซียน คัพ 2022 รอบรองชนะเลิศ นัดแรก วันที่ 7 มกราคมนี้ เวลา 19.30 น. ตามเวลาของไทย

ทีมชาติไทย สะกดคำว่าชนะต่อ มาเลเซีย ไม่เป็นใน 6 เกมหลังสุด แบ่งเป็น เสมอ 2 แพ้ 4 โดยหนสุดท้ายที่ชนะ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2014 ในศึก อาเซียน คัพ รอบชิงแชมป์ นัดแรก ด้วยสกอร์ 2-0 ภายใต้การควบคุมทัพของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

ล่าสุด “โค้ชซิโก้” ออกมาเผยถึงผลการแข่งขันในเกมนี้ โดยเชื่อมั่นว่า “ช้างศึก” จะเอาตัวรอดจากถิ่น “เสือเหลือง” ได้ เพราะว่าผ่านศึกที่หนักกว่ากับ อินโดนีเซีย ที่สนามเสนายันมาแล้ว

“การไปเยือนมาเลเซีย แล้วไปชนะได้ เป็นอะไรที่ยากมาก แต่ถ้านักเตะมีประสบการณ์ สู้ด้วยระบบการเล่น ก็ไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้าไม่มีประสบการณ์ รับรองว่าตื่นเต้นแน่ แฟนบอลมาเลเซียเนี่ยเรือนแสน และส่งเสียงดังมาก ฉะนั้นเสียงตะโกนจากการสั่งการของโค้ชข้างสนามนักเตะไม่มีทางได้ยิน”

“การไปเยือนสนามบูกิต จาลีล มีความยาก แต่สนามที่ยากที่สุดคือสนามเสนายัน (เกโลรา บุง การ์โน) ของอินโดนีเซีย เมื่อไทยผ่านสนามเสนายันมาได้แล้ว การมาเล่นที่ บูกิต จาลีล ก็ไม่มีปัญหา ถ้าเล่นด้วยแท็กติกที่วางไว้ ก็เอาอยู่ เชื่อมั่นในแท็กติกของ มาโน โพลกิง”

โค้ชซิโก้

“ช้างศึกไทย” ฝึกส่งท้ายที่ประเทศไทย ก่อนบุกมาเลย์บู๊รองรองฯนัดแรก

“ช้างศึก” ลงฝึกซ้อมครั้งสุดท้ายที่ เมืองไทย ก่อนจะเดินทางไปยัง ประเทศมาเลเซีย ในตอนเย็นวันนี้ โดยการซ้อมคราวนี้ “โค้ชมาโน่” ได้ใช้เวลา 1 ชั่วโมง โดยเน้นเรื่องการเล่นร่วมกันและสร้างความแข็งแรงให้ร่างกาย

ทั้งนี้ ทีมชาติไทย มีกำหนดการจะออกเดินทางจาก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปประเทศมาเลเซีย โดยการบินไทย เที่ยวบิน TG417 ในเวลา 16.45 น. และจะเดินทางถึงแดนเสือเหลืองเวลา 19.55 น. ก่อนที่จะเข้าพักที่ โรงแรม Intercontinental Kuala Limpur ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เวลา 21.30 น. และจะลงฝึกซ้อมอีกทีในวันศุกร์ที่ 6 มกราคม66 เป็นลำดับ

สำหรับทีมชาติไทย จะเจอกับ มาเลเซีย ในเกมรอบรองชนะเลิศ นัดแรก วันเสาร์ที่ 7 เดือนมกราคม66 ที่สนามกีฬาแห่งชาติบูกิตจาลิล เวลา 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย

บททดลองช้างศึก

การบุกถิ่น “เสือเหลือง” นับว่ามีความหมายอย่างมากกับทีมช้างศึก แม้สามารถประเดิมคว้าแชมป์กลับมาได้ก่อน จะก่อให้งานที่เราจำเป็นต้องเปิดบ้านสนาม ธรรมศาสตร์ รังสิต รับมือกับมาเลเซียในวันที่ 10 ม.ค. ไม่ยากเย็นอย่างที่คิด

ที่แน่ๆความเป็นต่อจะกลับมาอยู่ในมือเราจังหวะที่จะก้าวประสบความสำเร็จอีกขั้นทะยานสู่ “รอบชิงชนะเลิศ” อยู่แค่เอื้อม

หากแม้สถิติที่ผ่านมาของช้างศึกในช่วง 9 ปีบางทีอาจจะไม่ค่อยโสภาสะดวกโยธินมากแค่ไหน ในการลงสนาม 6 เกมหลัง มาเลเซียชนะไทย 4 เสมอ 2 โดยที่ชัยชนะเกมปัจจุบันของมาเลเซียนั้นก็ชนะจุดโทษใน “ศึกคิงส์คัพ 2022” ที่ จ.เชียงใหม่

ระยะหลังถึงแม้ทีมชาติไทยจะเป็นรอง “เสือเหลือง” ตลอดมาก็ตาม แต่เมื่อมาถึงรอบนี้แล้วคงจะจะต้องเล่นแบบลืมตายมีเท่าไหร่ใส่ให้หมด แบบไม่มีออมอีกแล้ว

เพื่อสร้างจังหวะที่จะต้อง กรุยทางไปให้ถึงจุดหมายสูงสุด รักษา “บัลลังก์แชมป์” รายการนี้ไว้ให้ได้อีกรอบ

เพราะถ้าพวกเราพลาดในรายการนี้หรือตกรอบตัดเชือก “ความเชื่อถือ” ของแฟนบอลที่มีต่อช้างศึกก็จะหายไปด้วยเช่นกัน

ทวิตเตอร์ ฟุตบอลโลก ลบ 2 โพสต์
ทวิตเตอร์ ฟุตบอลโลก ลบ 2 โพสต์ หลังถูกแฟนคลับ คริสเตียโน โรนัลโด รุมถล่ม

ทวิตเตอร์ทางการ ฟุตบอลโลก 2022 จำเป็นต้องลบโพสต์ทิ้งหลังถูกแฟนๆของ คริสเตียโน โรนัลโด พากันรุมกระหน่ำ เพราะคิดว่าเป็นการเย้ยหยันสตาร์รายนี้

ทวิตเตอร์ทางการของฟุตบอลโลก2022 จะต้องลบโพสต์ทิ้งถึง 2 อัน เนื่องมาจากโดนแฟนๆของ คริสเตียโน โรนัลโด ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติโปรตุเกส รุมโจมตีถึงความไม่เหมาะสม

สำหรับโรนัลโดโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวังในฟุตบอลโลกคราวนี้ เพราะเหตุว่ายิงให้ทีมไปแค่ 1 ประตู ซึ่งมาจากจุดโทษด้วย ก่อนจะถูกที่ปรึกษาทีมชาติดร็อปเป็นตัวสำรอง

ผิดกับคู่แข่งตลอดไปอย่าง ลิโอเนล เมสซี ดาวเตะทีมชาติอาร์เจนตินา ซึ่งโชว์ฟอร์มเฉิดฉันยิงไป 7 ประตู จ่ายให้เพื่อนยิงอีก 3 ประตู นำทีมครองแชมป์โลก พร้อมด้วยที่ตัวเองได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์อีกด้วย

โดยโพสต์หนึ่งฟีฟ่าทวีตว่า “ข้อถกเถียงเรื่องสุดยอดนักเตะได้จบลงแล้ว รางวัลสูงสุดเป็นส่วนหนึ่งในผลงานเรียบร้อย มรดกถูกจารึกอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว”

ส่วนอีกโพสต์เป็นภาพโรนัลโดชูนิ้วโป้ง พร้อมมีใจความชี้แจงว่า “ชูนิ้วโป้งขึ้น ถ้าเกิดคุณรู้สึกสนุกกับฟุตบอลโลก”

ด้วยเหตุนี้ ทำให้มีแฟนบอลนิดหน่อยแสดงความไม่พอใจพากันต่อว่าทั้ง 2 โพสต์ เช่น ไม่เป็นมืออาชีพเป็นอย่างมาก, ทุกคนเป็นศัตรูกับเขา, ฟีฟ่ากำลังเย้ยหยันโรนัลโด ฯลฯ ซึ่งทั้ง 2 โสต์ถูกลบไปเรียบร้อยแล้ว

คริสเตียโน โรนัลโด

โดนกระหน่ำเละ “ฟีฟ่า” รีบลบ 2 โพสต์ฉับไว หลังเยาะเย้ย “โรนัลโด”-อวย “เมสซี”

“ฟีฟ่า” จำเป็นต้องรีบลบโพสต์ทันทีทันใด หลังโดนวิจารณ์อย่างมากกรณีโพสต์เย้ยหยัน คริสเตียโน โรนัลโด และอวยแหลก ลิโอเนล เมสซี หลังได้แชมป์ฟุตบอลโลก 2022

วันที่ 22 ธ.ค. 65 สมาพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ถูกแฟนบอลบางส่วนวิจารณ์อย่างหนักหน่วงหลังจากโพสต์รูปและใจความเชิงเยาะเย้ย คริสเตียโน โรนัลโด แผงหน้าทีมชาติโปรตุเกส แถมยังโพสต์เชิดชู ลิโอเนล เมสซี ดาวยิงทีมชาติอาร์เจนตินา หลังครองแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์

ดังนี้ ฟีฟ่า ได้โพสต์รูป โรนัลโด ที่กำลังยกนิ้วโป้ง พร้อมใจความว่า “ยกนิ้วโป้งถ้าหากคุณสนุกสนานกับ ฟีฟ่า เวิลด์คัพ” และโพสต์รูป ลิโอเนล เมสซี พร้อมข้อความว่า “ข้อถกเถียงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกยุติลงแล้ว ถ้วยรางวัลถูกสะสมครบแล้ว”

ทำให้ถูกแฟนบอลนิดหน่อยวิภาควิจารณ์ว่า ฟีฟ่า ปราศจากความเป็นกลาง เหมือนจะเอียงเอนไปทาง ลิโอเนล เมสซี และเป็นการเยาะเย้ย คริสเตียโน โรนัลโด ที่ไม่เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย จนถึงทำให้ในที่สุด ฟีฟ่า ก็ตัดสินใจลบทั้ง 2 โพสต์ออกทันที เพื่อไม่ให้หัวข้อกล่าวบานปลายไปมากกว่านี้

คริสเตียโน โรนัลโด กองหน้าทีมชาติโปรตุเกสมีชื่อติดทีมยอดแย่ของ ฟุตบอลโลก 2022 จากการจัดของเว็บไซต์ดัง

โดย โรนัลโด ไม่สามารถพา โปรตุเกส ไปถึงฝั่งฝันในฟุตบอลโลกครั้งนี้ด้วยการตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายหลังแพ้ต่อ โมร็อกโก 0-1

ขณะที่ตัวของ “ซีอาร์ เซเว่น” เองก็ทำผลงานได้ไม่ดีนักหลังทำได้เพียงแค่ประตูเดียวจากการลงสนาม 5 นัด และถูกดรอคอยปเป็นตัวสำรองในเกมที่ทัพ “ฝอยทอง” กระหน่ำ สวิตเซอร์แลนด์ 6-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

ด้วยฟอร์มที่เกิดขึ้นทำให้ “โซฟาสกอร์” เว็บไซต์ด้านผลการแข่งขัน และสถิติต่างๆในวงการลูกหนังได้จัดให้ โรนัลโด ไปอยู่ใน 11 ผู้เล่นยอดแย่ของเวิลด์คัพคราวนี้ในตำแหน่งกองหน้า โดยเจ้าตัวได้คะแนนไปเพียง 6.46 คะแนน เคียงข้างกับ เลาตาโร มาร์ติเนซ หัวหอกทีมชาติอาร์เจนตินาที่ได้ไปแค่ 6.35 คะแนนหลังยิงไม่ได้เลยในทัวร์นาเมนต์นี้

ขณะที่ตำแหน่งอื่นๆมีดังนี้

ผู้เฝ้าประตู

  • เอดูอาร์ เมนดี (เซเนกัล) 6.30 คะแนน

กองหลัง 2

  • แซร์จินโญ เดสต์ (สหรัฐ) 6.50 คะแนน
  • คามิล กลิก (โปแลนด์) 6.63 คะแนน
  • อับดู ดิยัลโล (เซเนกัล) 6.47 คะแนน
  • บาร์ตอส เบเรซินสกี (โปแลนด์) 6.42 คะแนน

กองกลาง

  • แมตธิว เล็กกี (ออสเตรเลีย) 6.28 คะแนน
  • ฮวาง อิน-บอม (เกาหลีใต้) 6.53 คะแนน
  • แจ๊กสัน เออร์ไวน์ (ออสเตรเลีย) 6.50 คะแนน
  • รูเบน บาร์กัส (สวิตเซอร์แลนด์) 6.53 คะแนน

โรนัลโด ยินดี เมสซี

มาราโดนาคงจะภูมิใจ “โรนัลโด” ยินดี “เมสซี” แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ชี้ล้านคนทั่วโลกตบมือให้

“ล้านคนทั่วโลกต้องตบมือให้” โรนัลโด ร่วมแสดงความยินดีกับ เมสซี หลังผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 พร้อมอ้างอิงถึง มาราโดนา

วันที่ 19 ธันวาคม 2565 โรนัลโด ตำนานดาวยิงทีมชาติบราซิล ชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 1994 และ 2002 โพสต์เครือข่ายสังคมส่วนตัว เพื่อร่วมแสดงความยินดีกับ ลิโอเนล เมสซี ยอดจอมบุกกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา หลังประสบความสำเร็จคว้าชัยชนะฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ สิ้นสุดเวิลด์คัพยุคที่ 5 ซึ่งเป็นยุคสุดท้ายในชีวิตอย่างยิ่งใหญ่ และเป็นคนที่ 9 ในโลกนี้ที่ได้ทั้งยังแชมป์บอลโลก, แชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และ รางวัลบัลลงดอร์ เหมือนกับตัวเขา

โรนัลโด วัย 46 ปี โพสต์ถึง เมสซี วัย 35 ปี หลังจบเกมรอบชิงชนะเลิศที่ อาร์เจนตินา ดวลจุดลูกโทษชนะ ฝรั่งเศส 4-2 หลังเสมอ 3-3 ในเวลา 120 นาทีว่า “การเล่นฟุตบอลของผู้ชายคนนี้ทำให้คู่ต่อสู้ต้องเสียท่า แม้แต่นัดประวัติศาสตร์ระหว่าง บราซิล กับ อาร์เจนตินา”

“ผมเห็นชาวบราซิลจำนวนมาก และผู้คนจากทั่วโลก ล้วนให้กำลังใจ ลิโอเนล เมสซี ในรอบชิงชนะเลิศที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นนี้ การอำลาที่คู่ควรกับอัจฉริยะผู้ซึ่งไกลเกินกว่าการเป็นเพียงแค่ดาวเด่นในฟุตบอลโลก เป็นผู้นำแห่งยุค”

“ผมนึกภาพงานฉลองของ ดิเอโก เพื่อนของผมบนสวรรค์ (ดิเอโก มาราโดนา ตำนานอาร์เจนตินา ชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 1986) ส่วนที่นี่ พวกเราหลายล้านคนจากทุกเชื้อชาติต่างลุกขึ้นยืนปรบมือให้กับคุณ ยินดีด้วย เมสซี!”

บิชต์ เสื้อคลุมที่ เมสซี สวม
รู้จัก "บิชต์" เสื้อคลุมที่ "เมสซี" สวมก่อนชูถ้วยฟุตบอลโลก

ทำความรู้จัก “ บิชต์ ” (Bisht) เสื้อคลุมที่กาตาร์ เจ้าภาพ ฟุตบอลโลก 2022 มอบให้ “ลิโอเนล เมสซี” ยอดจอมบุกแห่งสมัย หลังพาทีมอาร์เจนตินาครองแชมป์โลกสมัยที่ 3 ได้สำเร็จ ท่ามกลางกระแสโต้แย้งกันว่า กาตาร์ต้องการยกย่องเมสซีหรือขโมยซีนทีมแชมป์กันแน่

ควันหลงจากนัดชิงแชมป์ฟุตบอลโลกระหว่างทีมอาร์เจนตินา กับ ทีมฝรั่งเศส เมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) ซึ่งจบสิ้นลงด้วยชัยชนะของทีมฟ้าขาวหลังชนะดวลจุดโทษตัดสิน นอกเหนือจากภาพชูถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกหนแรกที่เติมเต็มชีวิตค้าแข้งของ “ลิโอเนล เมสซี” กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินาแล้ว ภาพที่ติดตาแฟนบอลทั้งโลกเป็น “เสื้อคลุมยาวสีดำ” หรือ “บิชต์” (Bisht) ที่ ชีค ทามิม บิน ฮาหมัด อัล ธานี เจ้าผู้ครอบครองรัฐกาตาร์มอบให้เมสซีสวมใส่ก่อนชูถ้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก

โดยปกติแล้ว กัปตันทีมแชมป์ครั้งก่อนๆจะได้ชูถ้วยพร้อมทั้งชุดแข่งทีมชาติของตัวเองอย่างภาคภูมิโดยไม่มีอะไรมาบดบัง แต่สำหรับภาพเมสซีชูถ้วยแชมป์ขณะสวมเสื้อคลุมยาวสีดำคราวนี้ ถือว่าแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากแฟนบอลเกือบจะไม่เห็นตราทีมชาติ และชุดแข่งขันสีฟ้าขาวบนตัวของเมสซีเลย

ชูถ้วยฟุตบอลโลก

บิชต์ที่ เมสซี สวม คืออะไร

เสื้อคลุมดังกล่าวเรียกว่า “บิชต์” ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายตามจารีตในโลกอาหรับ นิยมใส่โดยชายชาวมุสลิมมานานหลายพันปีแล้ว มักทำมาจากขนอูฐ และ ขนแพะ โดยอุปกรณ์นี้จะถูกปั่นแล้วต่อจากนั้นก็เลยทำออกมาเป็นผ้า และ ตัวผ้ามีเส้นด้ายเนื้อนุ่มสำหรับตัวที่ใส่ไว้ภายในฤดูร้อน และ ขนหยาบสำหรับตัวที่ใส่เอาไว้ข้างในฤดูหนาว

ขณะเดียวกัน เสื้อคลุมบิชต์มักใส่เพื่อการเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษต่างๆเป็นต้นว่า งานสมรส และเทศกาลทางศาสนา

แม้เสื้อคลุมบิชต์ที่ชายอาหรับนิยมใส่ส่วนมากจะเป็นสีดำ แต่ที่จริงแล้วยังมีสีขาว และ สีน้ำตาลด้วย และ มักกุ๊นขอบด้วยเส้นด้ายสีทองแบบเดียวกัน ทำให้ดูหรูหรา และ สูงศักดิ์

นอกเหนือจากนั้น บิชต์ยังสื่อความหมายรวมถึงชุดปกคลุมที่มักสวมโดยชนชั้นปกครอง หรือหัวหน้าศาสนา ทำให้ถูกมองดูเป็นชุดที่ใส่ออกงานเกี่ยวกับราชวงศ์อาหรับ คนมั่งคั่ง และ พิธีทางการ หรือเทียบเท่ากับ “เน็กไทดำ” ในโลกตะวันตกเช่นเดียวกัน

เมสซี สวมก่อนชูถ้วยฟุตบอลโลก

ปฏิกิริยา ในโลกฟุตบอล

ภาพที่เมสซีถูกใส่เสื้อคลุมบิชต์นั้น นับว่าเป็นโมเมนต์ใหญ่สำหรับเจ้าภาพกาตาร์ ซึ่งลงทุนเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกคราวนี้ไปถึง 2.2 แสนล้านดอลลาร์ เพราะเหตุว่าทำให้ทั่วทั้งโลกได้มองเห็นชุดหุ้มที่เปรียบสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาติ

ขณะเดียวกัน การที่ชุดบิชต์มักถูกสวมใส่ในงานพิธีการเฉลิมฉลองสำคัญของชนชั้นสูง ทำให้แฟนบอลและชาวเน็ตบางส่วน โดยยิ่งไปกว่านั้นในทิศตะวันออกกลาง สรรเสริญเจ้าภาพกาตาร์ว่าการมอบชุดปกคลุมนี้ให้กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา ย่อมหมายถึงการแสดงความเคารพ และ ร่วมสังสรรค์แชมป์โลกครั้งนี้นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ทวิตเตอร์ในโลกตะวันตกไม่คิดแบบนั้น และ เห็นว่ากาตาร์ต้องการขโมยซีนทีมแชมป์โลก

“แค่อยากถามว่าทำไม? ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้นเลย” ปาโบล ซาบาเลตา อดีตแข้ง อาร์เจนตินา ที่ผันตัวเป็นกูรูฟุตบอลให้กับ สำนักข่าวบีบีซี ทวีตถามด้วยความข้องใจ

“มันน่าเสียดายที่พวกเขาคลุมเสื้อทีมชาติของเมสซี ในช่วงเวลาอัศจรรย์แบบนี้” แกรี ลินิเกอร์ อดีตดาวยิงทีมชาติอังกฤษ ซึ่งปัจจุบันเป็นพิธีกรรายการให้กับบีบีซีทวีต

โน่นเป็นเพียงแค่เสียงวิจารณ์นิดหน่อยจากการสวมชุดบิชต์ให้กับเมสซี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ดูราวกับว่าเจ้าตัวก็ไม่ได้สะทกสะท้าน หรือเสียความรู้สึกกับการต้องชูถ้วยแชมป์โลกในชุดปกคลุมสีดำที่ปกปิดชุดทีมชาติเพียงครู่เดียว เพราะเหตุว่าหลังลงจากเวทีรับถ้วย เมสซีก็ถอดชุดปกคลุมออก เเละฉลองแชมป์กับเพื่อนร่วมทีม และ แฟนบอลอาร์เจนตินาในสนามอย่างสุดเหวี่ยง

เมสซีได้ขึ้นเวทีไปจับมือกับจานนี อินฟานตีโน ประธานฟีฟ่า และ ชีค ทามีม ของกาตาร์ ซึ่งได้ทรงใช้พระหัตถ์ตบเบา ๆ ที่คอของนักเตะวัย 35 ปีคนนี้ 2 ครั้ง

จากนั้น ก็มีการนำชุดบิชต์ (bisht) สีดำซึ่งเป็นชุดคลุมที่ผู้ชายนิยมสวมใส่ในโลกอาหรับ มาสวมให้กับเมสซี ก่อนที่เขาจะเต้นเข้าไปหาเพื่อนร่วมทีม และ ชูถ้วยรางวัลนี้

ไม่เพียงแต่เป็นช่วงเวลาสำคัญของเมสซีเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงเวลาของกาตาร์ด้วย การแข่งขันฟุตบอลโลกสิ้นสุดลงในวันชาติของกาตาร์ เป็นฟุตบอลโลกครั้งแรกที่จัดขึ้นในประเทศมุสลิม

นี่อาจจะเป็นเกียรติสำหรับเมสซีที่ได้สวมชุดอาหรับ แต่หลายคนก็มองว่า เป็นการไม่เคารพ และ บดบังความสำคัญของวันที่เขาเฝ้ารอคอยมานาน

ชีค ทามีม ทรงระบุผ่านทางทวิตเตอร์ว่า “เราได้ทำตามสัญญาแล้วว่าจะจัดการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมจากประเทศอาหรับ”

“นี่คือโอกาสสำหรับผู้คนทั่วโลกในการได้ทำความรู้จักกับความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมของเรา และ ต้นกำเนิดค่านิยมต่าง ๆ ของเรา”

นี่คือช่วงเวลาที่ไม่เหมือนใครที่จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ของการแข่งขันฟุตบอลโลก และ จะทำให้นึกถึงตะวันออกกลางตลอดไป

ลิโอเนล เมสซี นักเตะที่ยอดเยี่ยมได้รับการประกาศชื่อให้ขึ้นไปบนเวที เพื่อชูถ้วยรางวัลชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลโลกที่เขาหมายปองมานานตลอดช่วงการเล่นฟุตบอลอาชีพที่แสดงความสามารถได้เหนือชั้น และประสบความสำเร็จอย่างงดงามของเขา

เมสซีได้ขึ้นเวทีไปจับมือกับจานนี อินฟานตีโน ประธานฟีฟ่า และ ชีค ทามีม ของกาตาร์ ซึ่งได้ทรงใช้พระหัตถ์ตบเบา ๆ ที่คอของนักเตะวัย 35 ปีคนนี้ 2 ครั้ง

จากนั้น ก็มีการนำชุดบิชต์ (bisht) สีดำซึ่งเป็นชุดคลุมที่ผู้ชายนิยมสวมใส่ในโลกอาหรับ มาสวมให้กับเมสซี ก่อนที่เขาจะเต้นเข้าไปหาเพื่อนร่วมทีม และ ชูถ้วยรางวัลนี้